
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้ตั้งโพสต์เรื่องราวของตนเอง ว่าแม่ของเธอเสียตั้งแต่ยังเล็ก พ่อจึงรับภาระหนักในการเลี้ยงดูพี่สาวและฉันตอนั้น ฉันอายุ 4 ขวบพี่สาว 6 ขวบ เพื่อนบ้านแถวนั้นให้ความสำคัญกับทายาทสืบสกุลมาก เพราะฉะนั้นถ้ามีลูกชายก็จะมีลูกหลานสืบสกุล เพื่อนบ้านต่างหัวเราะเยาะพ่อที่ไม่มีลูกชาย มีเพียงลูกสาว2คนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ยอมแต่งงานใหม่เพื่อคลอดลูกชายไว้สืบสกุลอีก เพื่อให้พี่สาวและฉันได้อยู่ดีกินดี พ่อต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินให้เราได้เรียนจนจบมหาวิทยาลั
หลังจากที่เราเติบโตขึ้น ฉันจึงคิดไว้ว่าอยากจะได้แม่สามีที่รักฉันเหมือนแม่แท้ๆ ฉันก็จะกตัญญูเหมือนลูกสาวแท้ๆเหมือนกัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ฉันก็ได้พบกับแฟนของฉันซึ่งเป็นสามีคนปัจจุบันนี้เอง หลังจากคบกัน 2 ปี เราทั้งสองจึงตัดสินใจแต่งงาน สาเหตุที่ทำให้ฉันตัดสินใจแต่งงานกับเขาก็เพราะว่าเขาเป็นคนกตัญญูมากๆ รักแม่ ฟังจากปากของสามีทำให้ฉันรู้ว่าแม่ของเขาอ่อนโยนเป็นคุณแม่ที่แสนอบอุ่น ก่อนที่เราแต่งงานกันนั้นฉันเคยเจอญาติพี่น้องของสามีอยู่บ่อยๆ และสนิทสนมกับแม่สามีมาก
หลังแต่งงานเข้าบ้านสามี ฉันดูแลเรื่องงานบ้านไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย ฉันรักญาติของสามีเหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆของฉันเลย ฉันทำงานบ้านทุกอย่างจนพวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ว่าไม่นานปัญหาก็ตามมา อาจเป็นเพราะฉันเป็นคนขยันเกินไป วันหนึ่งขณะที่ฉันเลิกงานกลับบ้านไปไม่ได้ทำกับข้าวและไม่ได้ทำงานบ้าน ก็ถูกคนทั้งบ้านด่าว่า น้องสาวสามีอายุ 20 ต้นๆ เสื้อผ้าสกปรกเป็นกองโตไม่เอาไปซักและยังโทษว่าฉันไม่ยอมเอาไปซักให้ พี่ชายสามียิ่งตลกไปใหญ่ อายุก็ปาเข้าไป30กว่าแล้ว ยังบอกให้ฉันเอาเสื้อและกางเกงในและร้องเท้าไปซักให้เขา
ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่คือ เมื่อมีแขกมาที่บ้าน คนทั้งบ้านแม่สามี พี่ชาย+พี่สะใภ้ น้องสาว และสามีก็ไปนั่งที่ห้องรับแขกหมดปล่อยให้ฉันยุ่งอยู่ห้องครัวคนเดียว เพื่อเตรียมอาหารและผลไม้ให้พวกวเขาทานกัน หลังจากที่เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น ฉันจึงค่อยๆเข้าใจแล้วว่าฉันรักพวกเขาเหมือนพี่น้องแท้ๆ แต่พวกเขากลับมองฉันเป็นเพียงคนใช้ในบ้านเท่านั้นเอง ก่อนหน้าที่จะแต่งงานแม่สามีดูเป็นคนเอาใจใส่เป็นห่วงเป็นใยนั้น ที่แท้เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด สวนสามีก็เข้าข้างคนที่บ้านตนเองมากกว่าที่จะฟังภรรยาอย่างฉัน
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ฉันก็หมดความอดทนกับบ้านสามี ต่อมาไม่กี่เดือนฉันตั้งครรภ์ ก่อนที่จะถึงกำหนดคลอดแม่สามีบอกให้ฉันกลับบ้านไปอยู่ไฟ ทำให้ฉันโกรธจัดอีกครั้ง ฉันจึงตอบกลับไปว่า “ฉันกลับบ้านได้ แต่พ่อของฉันไม่สะดวกที่จะดูแลฉัน แม่รีบเอาเงินคืนมาก่อน 1แสน ฉันจะไปจ้างแม่บ้านมาดูแลฉันหลังคลอด” แม่สามีพูดไม่ออก
ลูกชายของฉันคลอดก่อนกำหนด อายุครรภ์ได้ 38 สัปดาห์ก็คลอดออกมาดูโลกแล้ว เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันต้องโมโหอีก เพราะตอนที่ตั้งครรภ์ฉันท้องผูกเป็นประจำ เพราะฉะนั้นจะนั่งในห้องน้ำนานไปหน่อย ทำให้น้องสาวสามีไม่พอใจมากหาเรื่องทะเลาะกับฉัน วันต่อมาฉันปวดท้องใกล้คลอดมาก แต่ไม่มีใครสนใจฉันเลย จึงตัดสินใจโทรให้พ่อมาช่วยรับฉันไปส่งที่โรงพยาบาล สามียังโกรธที่ฉันทำให้น้องสาวของเขาร้องไห้
หลังออกจากห้องคลอด ฉันเห็นเพียงพี่สาวและพี่เขย น้าและอาของฉันเท่านั้น แต่ไม่เห็นสามีหรือญาติฝ่ายสามีเลย พอฉันถามพ่อ พ่อก็บอกว่า”โทรบอกฝ่ายสามีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีใครมาเลย”
ในใจฉันคิดว่า คนบ้านนี้แล้งน้ำใจมาก ไม่มาส่งโรงพยาบาลก็ว่า แต่นี้คลอดแล้วยังไม่มาดูอีก ฉันโกรธจนคิดว่าถ้าจะทำอะไรไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ แล้วอย่ามาร้องเสียใจทีหลังนะ!
วันที่ 2 สามีและแม่สามีก็มา มองเห็นชื่อบนเตียงของลูกชายแม่สามีถึงกับระเบิดลง อาละวาดใหญ่ เพราะฉันให้ลูกชายใช้แซ่เดียวกับฉัน พวกเธอไม่สนใจไม่ใช่หรอ ดีซะอีกพ่อของฉันก็ไม่มีลูกชาย เอาลูกชายฉันเป็นทายาทสืบสกุลแทนละกัน
สามีของฉันทะเลาะกับญาติของฉัน ฉันจึงบอกไปว่า “ฝ่ายชายสละตัวอสุจิ แต่ฉันต้องอุ้มท้อง 10 เดือน และต้องปวดท้องนานกว่า 10 ชั่วโมงถึงจะคลอดออกมา และพวกคุณทำอะไรบ้าง? คนทั้งบ้านพวกคุณทำอะไร? เปลื่ยนชื่อหรอ ฝันไปเถอะ เซ็นต์ใบหย่าจะง่ายกว่านะ!”คำพูดของฉันทำเอาแม่สามีถึงกับช็อก! หลังออกจากโรงพยาบาลแม่สามีก็มารับฉันกลับบ้านดูแลฉันอย่างดี น้องสาวสามีก็ไม่กล้าหาเรื่องอะไรอีก คนทั้งบ้านอยากให้ฉันเปลี่ยนชื่อลูกแต่ฉันไม่ยอม จึงคิดที่จะให้ฉันรีบบำรุงสุขภาพเพื่อเตรียมคลอดลูกคนที่2 ฉันได้แต่หัวเราะในใจว่า ฝันไปเถอะคนที่2 ถ้าทุกคนยังดีกับฉันเหมือนตอนนี้ ฉันอาจะขอคิดดูก่อนก็ได้
Leave a Reply